Happy and Merry Christmas. this Years is 2016


Christmas this year, you think what you or your loved ones want what is it


Cr. Santa Claus(Yoda)

The Santa Claus Store(ซานตาครอส)

ซานตาคลอส คุณลุงใจดีใส่เสื้อสีแดง หนวดเครายาวเฟิ้มมาส่งของขวัญตามบ้านเพื่อเป็นการส่งความสุขเนื่องในวันคริสต์มาส   

25 ธันวาคมของทุกปี ผมเชื่อว่าหลายๆคนคงจะรู้ดีและให้ความสำคัญกับวันนี้เป็นอย่างมาก่นเดียวกับวันสำคัญอื่นๆและแน่นอนว่าช่วงนี้ก็เป็นช่วงนึงที่เริ่มเข้าสู่เทศกาลวันคริสต์มาส
(Christmas)หลายๆคนคงจัดเตรียมของขวัญที่แสนจะสำคัญใว้สำหรับคนที่ตนรักและห่วงใย
ผมเองก็มีคนที่ห่วงใยเหมือนกัน ... แหนะๆๆ  :P แต่ช้าก่อนเรารู้ว่าวันนี้เป็นวันคริสต์มาสแต่
หารู้ไม่รู้คุณลุง..ซานต้า..หรือ"ซานตาครอส"ของเรานั้นมาจากไหน!! มาได้ไง..แล้วมาทำไม.!
อันสุดท้ายนี้คงไม่ต้องถามหรอกเนอะ...555มาๆกลับมาเข้าเรื่องกันดีกว่านะครับ

คุณลุง หรือ ซานตาคลอส ผู้นำของขวัญและความสุขมาให้กับเด็ก ๆ ในเทศกาล "คริสต์มาส" แต่ถ้าถามให้ลึกลงไปว่า จริง ๆ แล้ว คุณลุง ซานตาคลอส คือใครกันแน่ หลายคนอาจส่ายหน้า เช่นนั้นแล้ว
ทางผม Penet.fi ได้ลองสืบค้นข้อมูลจาก internet เว็บชาวบ้านที่ผ่านการเข้ารหัสhttps(p:443)..
เอ้าว..งงเลยสิ55 okครับเอาจริงๆนะ ก็ขอเปิดตำนาน ซานตาคลอส ให้ฟังกันรับเทศกาลกันเลยละกัน
ณ ..บัดNoww..!!!

สำหรับตำนาน ซานตาคลอส (Santa Claus) นั้น มีเรื่องเล่าว่า ซานตาคลอสคนแรก คือ นักบุญ (เซนต์) นิโคลัส ผู้เป็นสังฆราชแห่งเมืองไมรา ที่มีชีวิตอยู่ในราวศตวรรษที่ 4 โดยชีวิตในวัยเด็กของเซนต์ นิโคลัส อาศัยอยู่ทางฝั่งทะเลตอนใต้ของตุรกี และเขาต้องอยู่ท่ามกลางความหวาดกลัว เนื่องจากชาวโรมัน ผู้ครอบครองดินแดนแถบนั้นกดขี่ชาวคริสเตียน ต่อมาบิดามารดาของเซนต์ นิโคลัส เสียชีวิตลงและได้ทิ้งทรัพย์สมบัติให้เขาไว้มากมาย 



 วันหนึ่ง เซนต์ นิโคลัส ความเลวร้ายก็เข้ามาเยือน!.เมื่อเกิดสงสารครอบครัวเด็กหญิงคนหนึ่งที่ยากจน ด้วยความมีน้ำใจและใจบุญสุนทาน เขาจึงปีนขึ้นไปบนหลังคาบ้านของครอบครัวยากจนนี้ แล้วทิ้งถุงเงินลงไปทางปล่องไฟ แต่บังเอิญถุงเงินหล่นไปทางถุงเท้าที่เด็กหญิงแขวนตากไว้ข้างเตาผิงพอดี ทำให้ครอบครัวแปลกใจที่ใครมาช่วยเหลือพวกเขา ก่อนจะแอบดูและทราบในที่สุดว่า ผู้ใจบุญคนดังกล่าวคือ เด็กหนุ่มนามว่า นิโคลัส นั่นเอง.."ปรบมือหน่อยๆ" 

อนุสาวรีย์ เซนต์ นิโคลัส  ประเทศอิตาลี

ต่อมา นิโคลัส ได้เข้าเป็นนักบวชคริสเตียน ก่อนจะได้ดำรงตำแหน่ง บิชอฟ แล้วย้ายไปดำรงตำแหน่งสังฆราชแห่งเมืองไมรา (Myra) ซึ่งขณะนั้น ท่านสามารถประกอบศาสนกิจได้อย่างเต็มที่แล้ว เพราะจักรพรรดิองค์ใหม่ของอาณาจักรโรมสนับสนุนศาสนาคริสต์ ท่านเซนต์ นิโคลัส จึงเผยแผ่ศาสนา และอุทิศชีวิตให้กับคริสต์ศาสนาจนมีชื่อเสียงลือเลี่องไปทั่ว ก่อนจะมรณภาพในวันที่ 6 ธันวาคม ราวปี ค.ศ. 340 คริสต์ศาสนิกชนจึงได้สร้างโบสถ์เก็บรักษาศพของท่านไว้ ณ เมืองไมรา เพื่อให้ผู้แสวงบุญเดินทางมาเคารพศพ และยังได้เกิดปรากฏการณ์มหัศจรรย์ เมื่อมีน้ำมนต์ไหลออกมาจากกระดูกของท่าน ซึ่งเรียกว่า "มานนา"

          แต่ทว่าชาวเมืองบารี่ เมืองเล็ก ๆ ในอิตาลี ต้องการหาสิ่งดึงดูดนักท่องเที่ยวให้กับเมืองของตัวเอง จึงได้ว่าจ้างนักโจรกรรม นำโดยแมทธิว เป็นหัวหน้าของกลุ่ม ไปโจรกรรมกระดูกของเซนต์ นิโคลัส ที่เมืองไมรา กลับมายังเมืองบารี่ เมื่อกลุ่มโจรกรรมทำงานสำเร็จ ชาวบารี่ก็ได้สร้างโบสถ์เพื่อบรรจุกระดูกเซนต์ นิโคลัส และยังพบความมหัศจรรย์ เมื่อมีน้ำมนต์ศักดิ์สิทธิ์ไหลซึมออกมาจากกระดูกของท่านเช่นเดียวกัน ซึ่งนักแสวงบุญนำได้น้ำมนต์นี้ไปรักษาโรค ก็รักษาได้ผลชะงัด และจากนั้นสถานที่แห่งนี้ ก็กลายเป็นสิ่งดึงดูดที่ทำให้คริสต์ศาสนิกชนแห่แหนมาคารวะกระดูกท่านเซนต์ นิโคลัส ที่เมืองบารี่อย่างล้นหลาม 

โบสถ์เซนต์ นิโคลัส

ภาพชัดๆโบสถ์เซนต์ นิโคลัส เมืองบารี่ ประเทศอิตาลี

กระทั่งในคริสต์ศตวรรษที่ 12 ชาวเมืองฝรั่งเศสได้กำหนดให้วันที่ 6 ธันวาคมของทุกปี ซึ่งเป็นวันมรณภาพของเซนต์ นิโคลัส เป็นวันเซนต์ นิโคลัส และได้นำถุงเท้าที่ใส่อาหาร ขนมไปแขวนไว้หน้าบ้านของคนยากไร้ตามแบบอย่างท่าน ก่อนที่ประเพณีนี้จะแพร่อย่างรวดเร็วไปทั่วยุโรป และแพร่หลายไปในสหรัฐอเมริกา ก่อนที่จะได้มีการผนวกวันเฉลิมฉลองเซนต์ นิโคลัส เข้ากับวันคริสต์มาส 

          ต่อมาจิตรกรนาม "โธมัส นาสต์" (Thomas Nast) ได้เขียนภาพซานตาคลอสขึ้นมาเป็นชายแก่ร่างอ้วนใส่เสื้อผ้า และหมวกสีแดง อาศัยอยู่ที่ขั้วโลกเหนือ มีเลื่อนเป็นยานพาหนะที่มีกวางเรนเดียร์ลาก โดยจะปรากฏตัวในวันคริสต์มาส ลงมาทางปล่องไฟของบ้านเพื่อเอาของขวัญมาให้เด็ก ๆ ที่แขวนถุงเท้าไว้นั่นเอง




 |-| > และนี่เรื่องตำนานของ ซานตาคลอส 
ที่บอกเล่าสืบต่อกันมาช้านาน แน่นอนว่า เรื่องราวของซานตาคลอส ไม่ใช่เป็นเพียงแค่ตำนานเพื่อเฉลิมฉลองวันคริสต์มาสเท่านั้น แต่ ซานตาคลอส ถือเป็นสัญลักษณ์ของ "ความรัก" และ "ความเมตตา" ที่มีให้เพื่อนมนุษย์ที่ร่วมโลกใบเดียวกันอีกด้วย

#ขอให้สนุกกับการอ่านนะครับ สำหรับคนที่หลงมาเจอบทความนี้
     อ่านให้สนุกนะ แล้วพอกันใหม่ Post By Penet

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น